โรคไตระยะ 3 (Chronic Kidney Disease Stage 3) เป็นภาวะที่ไตเริ่มสูญเสียการทำงานบางส่วน โดยค่าการกรองของไต (eGFR) อยู่ที่ 30-59 มล./นาที/1.73 ตร.ม. แม้ว่าโรคไตเรื้อรังจะถือเป็นภาวะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในบางกรณี
แต่ในระยะที่ 3 การปรับพฤติกรรมและการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยหยุดยั้งหรือชะลอการลุกลามของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควบคุมอาหารและโภชนาการ
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการโรคไตระยะ 3:
– ลดปริมาณเกลือ (โซเดียม): จำกัดการบริโภคเกลือไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อลดความดันโลหิตและลดภาระการทำงานของไต
– ควบคุมโปรตีน: บริโภคโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม (0.8-1 กรัม/กิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน) โดยเลือกโปรตีนคุณภาพสูง เช่น ไข่ขาว ปลา และถั่ว
– ลดโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูง เช่น กล้วย องุ่นแดง และผลิตภัณฑ์นม เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจและหลอดเลือด
- ควบคุมโรคประจำตัว
โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน มีผลโดยตรงต่อการลุกลามของโรคไต:
– ควบคุมความดันโลหิต: เป้าหมายอยู่ที่ 130/80 มม.ปรอท โดยใช้ยาลดความดันโลหิต เช่น ACE inhibitors หรือ ARBs
– จัดการระดับน้ำตาลในเลือด: ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงปกติ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนต่อไต
- การออกกำลังกายและการลดน้ำหนัก
การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและลดปัจจัยเสี่ยง:
– เดินเร็วหรือออกกำลังกายเบาๆ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
– ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของไต
- การดื่มน้ำ
การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย แต่ต้องระวังในผู้ป่วยที่มีภาวะบวมน้ำ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณน้ำที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงสารพิษและยาที่มีผลต่อไต
หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs และอาหารเสริมที่อาจมีสารพิษต่อไต รวมถึงงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพและติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
การพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพไตเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เริ่มต้น และแพทย์สามารถปรับการรักษาได้ตามความเหมาะสม
- จัดการความเครียด
ความเครียดส่งผลเสียต่อระบบไหลเวียนโลหิตและสุขภาพไต การทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิหรือโยคะ สามารถช่วยลดความเครียดได้
โรคไตระยะ 3 แม้จะเป็นภาวะเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทางทฤษฎี แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและชะลอการลุกลามของโรคได้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และดูแลสุขภาพโดยรวมเพื่อให้ชีวิตยืนยาวและมีความสุข
ได้รับการสนับสนุนบทความนี้โดย เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน